ประวัติ Famicom
ประวัติ Famicom
เจ้าเครื่อง Famicom นี้ เริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่วันที่ 15 กรกฏาคม ปี 1983 โดยราคาเริ่มต้นในสมัยนั้นอยุ่ที่ 14,800 เยน ออกแบบระบบโดยนาย Masayuki Uemura เปิดตัวพร้อมกับ 3 เกม Arcade ดังของ Nintendo คือ Donkey Kong, Donkey Kong Junior และ Popeye ซึ่ง หลังจากวางจำหน่ายไม่ทันไร ก็เกิดปัญหาจนต้องเรียกสินค้ากลับเพื่อนำไปเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ หลังจากนำกลับมาจำหน่ายอีกครั้ง Famicom ก็เป็นเครื่องเกมที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปลายปี 1984 เป็นต้นมา โดยยอดขายเมื่อปลายปี 1984 นั้นสูงถึง 2.5 ล้านเครื่องเลยทีเดียวและ จากการที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ Nintendo ได้มองถึงการขยายตลาดไปที่อเมริกาเหนือ โดยทำการเจรจาธุรกิจกับทาง Atari แต่สุดท้ายโครงการนี้ก็ล้มเลิกไป เนื่องจากปัญหาต่างๆ ทำให้ Nintendo ต้องลงมือเอง จนพัฒนาเครื่อง Famicom ใหม่สำหรับวางจำหน่ายในอเมริกาเรียกว่า "Nintendo Advanced Video System" หรือ AVS ซึ่งมีรูปร่างละม้ายคล้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยนำมาแสดงในงาน Consumer Electronics Show ปี 1984 ใน แพคเกจมี keyboard, cassette data recorder แต่ก็ขายไม่ดีนัก เพราะระบบ Wireless ที่ไม่มีคุณภาพ วัสดุที่ใช้ก็เกรดต่ำกว่ามาตรฐานของทางอเมริกา เครื่อง AVS จึงเป็นโปรเจ็กต์ที่เจ๊งไป สำหรับ Nintendo
ในเดือนมิถุนายน ปี 1985 Nintendo ได้กลับมายังงาน Consumer Electronics Show อีกครั้งและนำเสนอเครื่อง "Nintendo Entertainment System" หรือ NES เป็นการนำเครื่อง Famicom มาปรับปรุงใหม่ และเริ่มวางจำหน่ายเฉพาะที่นิวยอร์ก ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 1985
ซึ่งจนถึงเดือนธันวาคมปี 1985 ก็มีเกมออกมาให้เล่นกันถึง 18 เกม คือ 10-Yard Fight, Baseball, Clu Clu Land, Donkey Kong Jr. Math, Excitebike, Duck Hunt, Golf, Gyromite, Hogan’s Alley, Ice Climber, Kung Fu, Mach Rider, Pinball, Soccer, Stack-Up, Tennis, Wild Gunman, Wrecking Crew และหนึ่งในบรรดาเกมที่ฮิตติดตลาดตลอดกาลของ Nintendo ก็คือ Super Mario Bros นั่นเองครับ
โดย NES ใช้ CPU 6502, RAM ใน CPU 2KB และ PPU อีก 2KB (สำหรับบางเกมที่เซฟได้ จะมี RAM แฝงอยู่ในตลับเกมด้วย) ความละเอียดของภาพอยู่ที่ 256 x 240 pixel
ในปี 1986 Nintendo ได้ขยายตลาดออกไปเปิดสาขาใหม่ที่แคนาดา และทางแถบยุโรป ถึงแม้ว่าพวกฝรั่งจะไม่ค่อยให้ความสนใจกันมากนัก แต่อาศัยที่ตลาดกว้างขวางกว่า และด้วยความมุทะลุของทาง Nintendo ทำให้ เครื่องเกม NES ในปี 1987 ทำ กำไรให้ Nintendo ยิ่งกว่า Famicom ในญี่ปุ่นเสียอีก ซึ่งหลังจากนั้น ก็มีเกมต่างๆ ทั้งสำหรับ Famicom และ NES ออกมาให้เล่นมากมาย เรียกได้ว่า เกมออกเกือบเป็นรายอาทิตย์เลยทีเดียว
ช่วงปลายปี 1994 ตลาด เกมเครื่อง Famicom เริ่มแผ่วลง เนื่องจากคู่แข่งสำคัญอย่าง SEGA เริ่มเข้ามาแย่งตลาด แถมยังมีคู่แข่งเก่าอย่าง Atari รวมไปถึงทาง Nintendo เองก็มุ่งความสนใจไปที่ Super Famicom ของตัวเองมากกว่า จนสุดท้ายก็เลิกทำการผลิตเครื่อง Famicom ไปในเดือนมกราคมปี 1995 สรุปยอดขายรวมทั้งสิ้น 61.91 ล้านเครื่อง โดยเกมสุดท้ายของเครื่อง Famicom ก็คือWario's Woods ซึ่งวางขายในวันที่ 1 ธันวาคม ปี 1994 แต่ว่ากันตามตรงแล้ว เกมที่เป็นเกมสุดท้ายจริงๆ ของเครื่อง Famicom ก็คือSunday Funday ที่วางจำหน่ายในปี 1995 เพียงแต่ไม่ใช่เกมที่ทำลิขสิทธิ์กับทาง Nintendo
ป้ายกำกับ: หยิบมาเล่า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก